April 28, 2024

รีวิวหนังโป๊ เล่าเรื่องเสียว ประสบการณ์จากทางบ้านไม่ดีไม่เอามาบอกต่อ

เรื่องจริงของสังคม เลิฟซีนในหนังโรแมนติก เปิดซิงครั้งแรก เรื่องเสียวจากทางบ้าน ทุกอย่างจะถูกบอกกล่าว

3 ทศวรรษ ของวงการ AV ในประเทศญี่ปุ่น

ปี 90S – 2000 รสนิยมที่หลากหลายกับแนวหนัง AV ที่แตกแขนงไปมากมาย

ถ้าประเทศเกาหลีมีศิลปิน และดนตรีขับเคลื่อนประเทศ ก็ต้องบอกว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็มีอุตสาหกรรม AV เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศเช่นกัน

ถ้าเหมารวมไปถึงธุรกิจที่ต่อยอดมาจาก Adult Content ทั้งหมดของญี่ปุ่น ไล่ตั้งแต่ Sextoy, อาหารเสริมสมรรถภาพทางเพศผู้ชาย, สถานบันเทิงที่ใช้ดารา AV เป็นตัวดึงดูด มีอัตราส่วนทางเศรษฐกิจเท่ากับ 1 ใน 10 ของ GDP ประเทศญี่ปุ่นเลย ขนาดในปี 2014 ที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซา แต่วงการ AV ยังมีรายได้สูงถึง 70,000ล้านเยน หรือประมาณ 20,000ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเม็ดเงินที่มากพอสมควรเมื่อเทียบกับความนิยมในวงการ AV ที่เริ่มถดถอย (ตัวเลขเงินสะพัดตกลงทุกปี)

แม้ปัจจุบันสถานการณ์ของอุตสาหกรรมหนัง AV จะไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ แต่ตัวเลขข้างต้นก็น่าจะมีน้ำหนักพอที่จะตอบคำถามได้ว่า ทำไมหนัง AV ถึงอยู่คู่กับประเทศญี่ปุ่นมาช้านาน แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ Cool Japan ซึ่งเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นก็ตามที

คราวนี้เราจะมารู้จักอุตสาหกรรม AV แต่ละยุค ตั้งแต่ช่วงหลังจากผ่านยุคทองของวงการมาแล้ว โดยจะเน้นไปที่กระบวนการพัฒนา และการปรับตัวของอุตสาหกรรม AV เพื่อให้อยู่รอดในโลกยุคใหม่

หลังจากที่ธุรกิจ AV เริ่มอยู่ตัว มีการหาพื้นที่ตรงกลางระหว่างกฏหมายการเซ็นเซอร์ และการถ่ายทำจริง จากที่เคยเขียนไปในบทความ “ประวัติความเป็นมาของอุตสาหกรรม AV ญี่ปุ่น” เกี่ยวกับเรื่องเซ็นเซอร์ที่มันเป็นพื้นที่สีเทาๆ ว่ามันคือการสอดใส่จริง หรือแค่การแสร้งว่าใส่เข้าไปเท่านั้นตามกฏหมายควบคุมหรือไม่ ซึ่งในฐานะคนดูก็คงไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าก็ใส่จริงๆ นี่แหละ แต่ใช้การเซ็นเซอร์เลี่ยงกฏหมายนิดหน่อย ค่ายผู้ผลิตหนัง AV หลายค่ายเริ่มผลิตหนังที่มีการแสดงแบบสอดใส่จริงๆ

รวมถึงเริ่มมีบทหนัง AV ออกมาหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม และในช่วงนี้จะมีหนังแนวที่เรียกกันว่า ‘Hamedori’ (ฮะ-เมะ-โด-ริ) และ ‘Nampa’ (นัม-ปะ) ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

หนังแนว Hamedori เป็นหนังที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการถ่ายทำ เพราะใช้นักแสดงชายเป็นตากล้องในการถ่ายเองเลย เรียกว่าจบในคนเดียวกัน โดยหนังจะให้ฟิลแบบมุมกล้องแทนสายตาของนักแสดงชาย เป็นเทคนิคที่เพิ่มอารมณ์ร่วมราวกับว่าผู้ชมกำลังมีอะไรกับดาราหญิงอยู่นั่นเอง
เจ้าพ่อหนังแนว Hamedori ที่ทำให้หนังแนวนี้โด่งดังแพร่หลายคือ ผู้กำกับเอวีชื่อดังอย่าง Company Matsuo
ส่วนหนังแนว ‘Nampa’ คือหนังแนวออกล่าไล่จีบผู้หญิงตามท้องถนนเพื่อพาไปสำเร็จความใคร่ โดยเจ้าพ่อนักแสดงหนังแนวนัมปะที่โด่งดังในยุคนี้ คือ Hiroshi Shimabukuro ตามมาด้วยนักแสดงชายรุ่นหลังอีกหลายคน และอีกคนที่แฟนๆ ชาวไทยรู้จักดีที่ดังมาจากแนวนี้ก็คือ ชิมิ เคน (Shimi Ken)
หนังแนว Nampa ที่เหมือนการไปจีบสาวตามที่ต่างๆ แล้วชวนไปมีอะไรกัน อาจจะทำลายจินตนาการหลายคน แต่ว่าที่จริงทั้งหมดมันก็การเซตอัพเพื่อถ่ายทำนี่แหละ

และในช่วงทศวรรษเดียวกันก็เริ่มเกิดหนังแนว ‘MILF’ ที่เปิดโอกาสให้นักแสดงหญิงแนวสูงวัย (อายุ 30-40 ปี) เข้ามาตอบสนองกลุ่มตลาดนี้มากขึ้น ที่จากเดิมนักแสดงหญิงที่เล่น AV มักจะดูเด็กๆ ใสๆ แบบสาวญี่ปุ่นยุค 80’s โดยผู้กำกับที่ถือเป็นคนปลุกปั้นแนว MILF ให้โด่งดังคือ Goro Tameike (โกโร่ ทาเมเกะ)

หนังแนว MILF ที่มีดารานักแสดงหญิงวัยตั้งแต่ 30+ แต่นักแสดงบางคนอายุ 30 แล้วแต่หน้าเด็กมากก็ไม่ได้มาอยู่ในหมวดนี้ เช่น สึโบมิ เป็นต้นแม้เจ้าตัวจะอายุ 30 กว่าแล้วแต่ยังอยู่ในหมวดโลลิอยู่จนทุกวันนี้

หนัง AV แต่ละยุคจึงถือเป็นดังบันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของคนในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นแนว SM, Lesbian, Big Tit, Loli, Cosplay หรือ Bukkake ก็ตาม

ปี 2000 – 2010 ‘INTERNET’ ศัตรูร้ายของวงการ AV

เป็นทศวรรษที่มีการปรับระเบียบกฏต่างๆ ของการถ่ายทำหนัง AV อีกครั้ง โดยมีการผ่อนปรนข้อจำกัดหลายๆ ข้อเพิ่มขึ้น เช่น อนุญาตให้มีการเห็นขนในที่ลับ หรือรูทวารได้ และเป็นการมาค่ายใหญ่ค่ายหนึ่งที่ติดอันดับ Top3 อยู่ในทุกวันนี้นั่นคือ Soft on Demand ที่เป็นค่ายแรกที่นำเทคโนโลยีการเซ็นเซอร์แบบใหม่เข้ามาที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีนั่นก็คือ “เซ็นเซอร์บางๆ” (Girigiri mosaic) จากเมื่อก่อนจะหนาเป็นเป็นก้อนเซ็นเซอร์สี่เหลี่ยมที่เราแทบมองไม่เห็นอะไรกันเลย
(ว่ากันว่าขั้นตอนการทำ Post-production เรื่องการเซ็นเซอร์จุดลับที่ห้ามให้เห็นหรืออวัยวะเพศนี้เป็นงานที่หนัก และใช้เวลามาก ทำให้ค่ายหนังที่ญี่ปุ่นต้องส่งไฟล์ต้นฉบับออกไปตัดต่อในประเทศที่ค่าแรงงานถูกๆ นั่นก็คือประเทศไทยนั่นเอง แต่เป็นสตูดิโอไทยไหนทำนั้นไม่มีการเปิดเผยจ้า)

ซึ่งในช่วงทศวรรษนี้ถึงจะเปลี่ยนอุปกรณ์บันทึกข้อมูลจากตลับเทป VHS มาเป็นแผ่น DVD แล้วก็ตาม แต่การเข้ามาของ Internet นั้นทำให้ธุรกิจ AV ต้องปรับตัวอย่างหนัก เพราะเกิดการอัพโหลดเถื่อนขึ้นไปให้ดูฟรีกัน ทำให้ยอดขายตกลงอย่างมาก ทำให้ทุกค่ายหนังผู้จำเป็นจะต้องปรับกระบวนการทำงานครั้งยิ่งใหญ่ เริ่มจากการลดต้นทุนกระบวนในการผลิต และการจ้างทีมงาน ซึ่งมีข้อมูลว่าช่วงยุค 80s-90s หนัง AV เรื่องหนึ่งใช้งบประมาณในการถ่ายทำต่อวัน สูงถึง 3,000,000 เยน (หรือประมาณ 1,000,000 บาท) เทียบเท่ากับการถ่ายหนังดีๆ เรื่องหนึ่งเลยเหมือนกัน

แม้การปรับเปลี่ยนต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิตหนัง AV แต่ละเรื่องจะทำให้นักแสดงได้รับค่าตัวน้อยลง แต่ก็มีข้อดีเกิดขึ้นเช่นกัน สิ่งแรกที่เป็นต้นทุนสูงหนีไม่พ้นค่าแรงทีมงานต่อวันในกองถ่าย ดังนั้นการลดจำนวนวันในการถ่ายทำจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำทันที ซึ่งจากอดีตการถ่ายทำหนัง AV หนึ่งเรื่องใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน ทำให้จุดนี้มีค่าใช้จ่ายมากมาย ตั้งแต่คิวนักแสดง ทีมงาน ค่าเช่าสตูดิโอ ค่าเช่าอุปกรณ์ต่างๆ หลังการปรับเปลี่ยนถ้าไม่ใช่หนังใหญ่หรือทุนสูงจริง การถ่ายทำจะเหลือเพียงวันเดียวเท่านั้น ส่งผลให้การทำงานในกองถ่ายเป็นระบบ และมีแบบแผนมากขึ้น

ดารา AV ดังช่วงยุคนี้ ได้แก่ Akiho Yoshizawa, Tina Yuzuki, Riko Tachibana ,Sola Aoi, Maria Ozawa

ในยุคนี้ Akiho Yoshizawa ปัจจุบันเธอก็ยังคงแสดงอยู่ในวงการแม้ว่าผลงานจะออกมาไม่เยอะ แต่แฟนคลับเธอยังเหนียวแน่นมาก และถึงแม้ว่า Sola Aoi จะเลิกแสดง AV ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เธอยังอยู่ในวงการบันเทิง และมีงานต่างๆ ให้แฟนตามดูเธอแก้คิดถึงเสมอ

ปี2010 – 2020 กำเนิด TOUCH MARKETING

หลังการปรับตัวครั้งใหญ่ของวงการ AV ในยุค 90 ความซบเซาของวงการก็ยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ประกอบกับผู้ชายญี่ปุ่นยุคใหม่ให้ความสนใจเรื่องการดูแลตัวเองเป็นหลัก หรือไม่ก็หลงใหลในอนิเมะมากกว่า AV ค่ายหนังจึงเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการตลาดใหม่ คือเสนอไอเดีย ‘ลดช่องว่างระหว่างคนดูกับนักแสดง’ และ ‘ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของนักแสดง’ เริ่มเกิดงาน Event ต่างๆ ที่ให้นักแสดงสาว AV ไปโชว์ตัวเพื่อพบปะแฟนๆ มากขึ้น มีสินค้าของสะสมที่ใช้รูปนักแสดง AV มาเป็นจุดขาย เรียกว่าหนุ่มหลายคนที่เคยดูหนัง AV สามารถเข้าใกล้ความฝันมากยิ่งขึ้น คือได้เจอตัวเป็นๆ กับดาราสาวที่ตัวเองชื่นชอบ หรือเรียกว่า ‘Touch Marketing’ นั่นเอง

ซึ่ง Touch Marketing นี้เป็นกลยุทธ์ที่ผู้จัดจำหน่ายร่วมมือกับทางค่ายหนัง จะนำนักแสดง AV มาตั้งโต๊ะแจกลายเซ็น และ ‘Hi-Touch’ กับผู้ที่มาร่วมงาน และซื้อแผ่น AV เท่านั้น อาจจะมีเงื่อนไข เช่นต้องซื้อกี่แผ่นถึงจะได้ถ่ายรูปคู่ อะไรประมาณนี้

และนักแสดง AV ส่วนใหญ่ก็หันมาเล่นโซเชียลมีเดียมากขึ้นทั้ง twitter และ Facebook เริ่มโปรโมทตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นขึ้น ทำให้สามารถอยู่ในกระแสได้นานขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ค่ายหนังเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกใครมาเล่นหนังเพียงฝ่ายเดียวเหมือนแต่ก่อน แต่ตอนนี้กำลังสำคัญคือฐานแฟนคลับของดาราแต่ละคนนี่แหละที่จะทำให้ใครไปได้ไกลกว่ากัน มีของที่ระลึกที่ขายใน Event โชว์ตัวต่างๆ
ขณะเดียวกัน นักแสดง AV หลายคนก็เริ่มหันไปรับงานต่างประเทศ เพราะเทรนของสาวเอเชีย ก็จัดอยู่ในหมวดหนึ่งของหนังโป๊ที่ชาวต่างชาติสนใจ ไปจนถึงมีการเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้นักแสดงเหล่านี้กลายเป็นกลุ่มศิลปินไอดอลเพื่อให้พวกเธอเป็น ‘เอนเตอร์เทนเนอร์’ มากกว่า ‘นักแสดงหนังโป๊’ โดยจะรวมตัวกัน
ทำกิจกรรมในรูปแบบวงดนตรีสาวๆ เช่น Ebisu mascats, Honey Popcorn